แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 62
1
กาแลคซี่ในขวดโหล ตั้งโชว์ก็ได้ ให้เป็นของขวัญ

กาแล็กซีในขวดโหล หรือ Galaxy Jar เป็นของตกแต่งที่สวยงามและสร้างสรรค์มากค่ะ ดูลึกลับน่าค้นหาเหมือนมีอวกาศมาอยู่ในมือเราเลย สามารถตั้งโชว์เป็นของตกแต่งบ้าน หรือจะมอบเป็นของขวัญสุดเก๋ก็ดูดีมีคุณค่าทางใจค่ะ

กาแล็กซีในขวดโหล: สร้างจักรวาลในมือคุณ
การทำกาแล็กซีในขวดโหลนั้นง่ายกว่าที่คิด และยังเป็นกิจกรรมที่สนุกอีกด้วยค่ะ


วัสดุที่ต้องเตรียม:

ขวดโหลแก้ว: เลือกขวดโหลใสๆ ที่มีฝาปิดสนิท ขนาดตามชอบ (ขวดเล็กกะทัดรัด หรือขวดใหญ่ดูอลังการ)

สำลี: ชนิดแผ่นหรือแบบก้อน

กากเพชร (Glitter): สีเงิน สีทอง หรือสีรุ้ง เพื่อสร้างความระยิบระยับของดวงดาว

สีอะคริลิค (Acrylic Paint): สีน้ำเงินเข้ม, สีม่วง, สีชมพู/แดง, สีขาว (หรือเลือกสีที่คุณชอบให้เข้ากับโทนกาแล็กซี)

น้ำเปล่า:

ไม้คน: หรือตะเกียบใช้สำหรับคนสีและสำลี

ขั้นตอนการทำกาแล็กซีในขวดโหล:
เตรียมน้ำสีชั้นแรก:

เทน้ำเปล่าลงในขวดโหลประมาณ 1/4 ของขวด

บีบสีอะคริลิคสีที่คุณต้องการให้เป็นฐาน (เช่น สีน้ำเงินเข้ม) ลงไปในน้ำ คนให้สีละลายเข้ากันดี


ใส่สำลีชั้นแรก:

ฉีกสำลีออกเป็นชิ้นเล็กๆ หรือดึงสำลีแผ่นให้ฟูๆ แล้วยัดลงไปในน้ำสีที่เตรียมไว้ ให้สำลีดูดซับน้ำสีจนทั่ว

ใช้ไม้คนกดสำลีให้จมลงไปในน้ำและจัดให้กระจายตัวอยู่ก้นขวด


โรยกากเพชร:

โรยกากเพชรสีที่คุณชอบ (เช่น สีเงิน) ลงบนชั้นสำลีที่เพิ่งใส่ไป ให้กากเพชรตกลงไปติดกับสำลีและกระจายอยู่ในน้ำสี

ทำชั้นที่สอง (และต่อๆ ไป):

เทน้ำเปล่าเพิ่มลงไปในขวดโหลอีกประมาณ 1/4 (จากขวดเปล่า)

บีบสีอะคริลิคสีที่สองที่คุณต้องการ (เช่น สีม่วง) ลงไป คนให้เข้ากัน

ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2 และ 3 คือใส่สำลีและโรยกากเพชร

ทำสลับชั้นสีแบบนี้ไปเรื่อยๆ อาจจะใช้สีชมพู/แดง หรือสีขาวในชั้นถัดไปก็ได้ เพื่อสร้างมิติและความลึกของกาแล็กซี

เคล็ดลับ: พยายามอย่าให้สำลีแต่ละชั้นผสมรวมกันมากเกินไป จัดให้แต่ละชั้นมีระยะห่างเล็กน้อยเพื่อให้เห็นสีที่แยกกันชัดเจน จะดูมีมิติมากขึ้น


เติมน้ำและสีจนเกือบเต็มขวดโหล

ปิดฝาให้สนิท:

เมื่อพอใจกับกาแล็กซีในขวดโหลของคุณแล้ว ให้ปิดฝาขวดให้สนิทแน่นหนา อาจจะใช้กาวร้อนทาขอบฝาเพื่อผนึกไม่ให้น้ำรั่วซึมได้

ไอเดียการตกแต่งและมอบเป็นของขวัญ:
ติดแท็ก: ผูกป้ายน่ารักๆ เขียนข้อความ เช่น "จักรวาลของฉัน" หรือ "You are my galaxy"

ผูกโบว์: ใช้ริบบิ้นสวยๆ ผูกรอบคอขวด หรือติดโบว์เก๋ๆ ที่ฝา

กล่องของขวัญ: ใส่กาแล็กซีในขวดโหลลงในกล่องของขวัญที่ตกแต่งสวยงาม อาจจะรองด้วยกระดาษฝอยสีๆ

ไฟ LED (ตัวเลือก): ลองหาไฟเส้น LED ขนาดเล็กแบบที่ใช้ถ่านกระดุม แล้วพันรอบๆ ขวด หรือใส่ลงไปในขวดก่อนปิดฝา จะทำให้กาแล็กซีเรืองแสงได้ในที่มืด ดูสวยงามและโรแมนติกมากยิ่งขึ้น (แต่ต้องระวังเรื่องน้ำและไฟฟ้าให้ดี)

กาแล็กซีในขวดโหล เป็นของขวัญที่ไม่เหมือนใคร และแสดงออกถึงความใส่ใจที่คุณตั้งใจทำด้วยตัวเอง แฟนของคุณจะต้องประทับใจแน่นอนค่ะ

2
ปัจจัยที่ทำไม โรงงานควรติดตั้งผ้ากันไฟ

การติดตั้งผ้ากันไฟในโรงงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากช่วยลดความเสี่ยงจากอันตรายที่เกิดจากไฟไหม้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ โรงงานควรติดตั้งผ้ากันไฟด้วยเหตุผลหลายประการ ดังนี้:

ป้องกันการลุกลามของไฟ:
ผ้ากันไฟสามารถชะลอหรือป้องกันการลุกลามของไฟไปยังบริเวณอื่น ๆ ในโรงงาน ทำให้มีเวลาในการควบคุมและดับไฟได้มากขึ้น

ปกป้องทรัพย์สิน:
ผ้ากันไฟช่วยปกป้องเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัตถุดิบต่าง ๆ จากความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้ ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ

รักษาความปลอดภัยของพนักงาน:
ผ้ากันไฟช่วยป้องกันอันตรายจากไฟไหม้ต่อพนักงาน ทำให้มีเวลาในการอพยพออกจากพื้นที่อันตรายได้อย่างปลอดภัย

ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ:
ในบางกระบวนการผลิต เช่น การเชื่อมโลหะ การตัดโลหะ หรือการใช้สารเคมี ผ้ากันไฟจะช่วยป้องกันสะเก็ดไฟหรือประกายไฟที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

เพิ่มความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมการทำงาน:
การใช้ผ้ากันไฟช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยมากขึ้น ทำให้พนักงานมีความมั่นใจในการทำงาน และลดความเครียดที่อาจเกิดขึ้นจากความกังวลเรื่องไฟไหม้

ลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและฟื้นฟู:
การป้องกันไฟไหม้ด้วยผ้ากันไฟช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและฟื้นฟูโรงงานหลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

โดยสรุปแล้ว ผ้ากันไฟเป็นวัสดุที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความปลอดภัยในโรงงาน ช่วยป้องกันความเสียหายจากไฟไหม้ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้โรงงานสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

3
จัดฟันบางนา: การดูแลหลังการฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟันเป็นวิธีการรักษาทางทันตกรรม สำหรับผู้ที่มีปัญหาการเปลี่ยนสีของฟัน ซึ่งการฟอกสีฟันนั้น เป็นการเพิ่มความขาวให้กับสีของฟันด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันในการฟอกสีฟันให้เป็นธรรมชาติ ทำให้เรากลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น การฟอกสีฟันสามารถทำได้กับทันตแพทย์โดยตรงที่คลินิกของเราก็มีการใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงและมีเครื่องมือ เครื่องใช้ที่ทันสมัย ทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน


การฟอกสีฟันก็สามารถทำเองได้เช่นเดียวกัน เพราะผลิตภัณฑ์การฟอกสีฟันมีขายตามร้านขายยาทั่วไป แต่วิธีการฟอกเองนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ เพราะเราไม่มีทันตแพทย์ที่คอยให้คำแนะนำ การฟอกสีฟันโดยตรงกับทางคลินิกก็มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง แต่หากพูดถึงผลลัพธ์แล้ว การฟอกสีฟันจะได้ผลดีที่สุดสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันเหลืองและจะมีประสิทธิภาพน้อยกับฟันสีน้ำตาลหรืออาจไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ หากฟันมีสีเทาหรือม่วง รวมไปถึง วิธีการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ภายหลังจากการฟอกสีฟันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากแต่ก่อนที่จะพูดถึงการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ภายหลังจากการที่ฟอกสีฟันแล้ว เราจะมาพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เรามีฟันเหลือง ฟันคล้ำ ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจซึ่งต้องบอกว่าการเปลี่ยนแปลงของสีฟันนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นภายในตัวฟันหรือภายนอก


สำหรับปัจจัยภายในตัวฟันอาจจะทำให้ฟันตายทำให้ไม่มีเลือดและประสาทมันหล่อเลี้ยงฟันจะมีสีทึบหรือมีการสะสมของสารมีสีขณะสร้างฟันทำให้ฟันมีสีขุ่นโดยธรรมชาติหรืออาจจะการได้รับยาบางชนิดที่ส่งผลต่อความผิดปกติของโครงสร้างฟัน ต่อมาคือสาเหตุภายนอกตัวฟันก่อน ได้แก่ การได้รับอุบัติเหตุ เช่น การกระแทกที่ฟัน มีการสะสมของคราบบนสีฟัน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว อาจจะเกิดจากการทำความสะอาดช่องปากที่ไม่ดีพอภายหลังจากการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เราอาจจะแปรงฟันไม่สะอาดหรือทำให้มีคราบอาหารแบคทีเรียและหินปูนสะสมบนเนื้อฟัน รวมไปถึง การรับประทานอาหารที่มีสี เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม และลูกอม นอกจากนี้ การสูบบุหรี่เป็นประจำก็ส่งผลทำให้มีสีฝันที่เปลี่ยนไปได้เช่นเดียวกัน

สำหรับวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงวิธีการดูแลรักษาฟัน ภายหลังจากการฟอกสีฟันการฟอกสีฟันนั้น ไม่ว่าจะเป็นการทำโดยทันตแพทย์โดยตรงหรือฟอกเองที่บ้าน หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่คงทน ยาวนาน เราควรดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ อาจจะเริ่มจากการทำความสะอาดฟัน ด้วยการแปรงฟันใช่ไหมขัดฟันและบ้วนปากเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพราะการใช้ยาสีฟัน ชนิดที่ช่วยทำให้ฟันขาวร่วมด้วย แล้วจะเป็นการส่งเสริมให้การฟอกสีฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีฟันก็คือ การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่อาจจะทำให้เกิดคราบบนฟัน เพราะฉะนั้น การหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้เกิดคราบบนฟันเช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำอัดลม หรืออาหารที่มีสีเข้มอย่าง แกงกะหรี่ เย็นตาโฟ


รวมไปถึงซอสต่างๆก็ส่งผลให้เรามีสีฟันที่เปลี่ยนไปได้รวมไปถึง พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของเราก็ส่งผลเช่นเดียวกันถ้าหากเรามีพฤติกรรมสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก็ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพช่องปากและฟันเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การดูแลรักษาฟันหลังจากฟอกสีฟันแล้ว เราต้องควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุดและที่สำคัญควรหมั่นตรวจสุขภาพและเข้ารับการทำความสะอาดช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำปีละสองครั้งเพื่อให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี รวมไปถึงมีฟันที่ขาวทำให้เรายิ้มได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้  วิธีการรักษาความสะอาดช่องปากและฟันนอกจากการแปลงฟันแล้วเราอาจจะใช้ไหมขัดฟันช่วยในการทำความสะอาดบ้วนปากด้วยน้ำยาผสมฟลูออไรด์ก่อนนอนจะช่วยทำให้เรามีฟันที่ขาวขึ้นได้

นอกจากนี้การรับประทานอาหาร ภายหลังจากการฟอกสีฟันก็ถือว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกันเพราะเราจะต้องงดรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่สามารถทำให้ฟันเรามีสีที่เปลี่ยนแปลงไปอัน ได้แก่ อาหารที่เป็นกรดอาหาร มีรสจัด เช่นเปรี้ยวจัด เค็มจัด หวานจัด อาหารร้อนหรือเย็นจนเกินไป ควรงดรับประทานภายหลังจากการฟอกสีฟัน 2 สัปดาห์ แต่การฟอกสีฟัน ถึงแม้ว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ก็มีข้อห้ามและข้อจำกัดบางข้อที่คนที่มีปัญหาไม่สามารถเข้ารับการฟอกสีฟันได้เช่น คนที่มีภาวะเหงือกร่น ที่เผยให้เห็นเนื้อฟันสีเหลืองบริเวณรากฟัน ผู้ที่มีฟันสีคล้ำที่เกิดจากการรับประทานยาเตตราไซคลีน รวมไปถึงผู้ที่มีฟันที่มีสีคล้ำ จากการเกิดอุบัติเหตุร วมไปถึงการเกิดฟันผุด้วย ซึ่งการฟอกสีฟันก็อาจจะมีผลข้างเคียงหรือผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากและฟัน โดยในช่วงแรก อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีอาการรู้สึกเสียวฟัน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยมากที่สุด


สำหรับผู้ที่เข้ารับการฟอกสีฟัน ซึ่งจะเกิดแค่ไหนช่วงแรกที่มีอาการอยู่ประมาณ1-3 วัน จากนั้นจะค่อยๆหายไป เพราะอาการเสียวฟัน มีสาเหตุมาจากน้ำยาฟอกสีฟัน  ส่งผลทำให้เม็ดสี แตกตัวออกเป็นโมเลกุลเล็กๆ ทำให้เนื้อฟันถูกดึงน้ำออกไปด้วย และไปกระตุ้นปลายประสาท ในเนื้อฟันที่ไวต่ออุณหภูมิจึงทำให้รู้สึกเสียงฝันได้ง่าย หากผู้เข้ารับการรักษามีอาการเสียวฟันมาก ก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ นอกจากนี้ อาจจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดเหงือกเป็นแผลเพราะถ้าหากน้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสกับบริเวณเหนือ อาจจะทำให้เกิดให้ได้นั่นเอง ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเหงือกหรือโรคที่เกี่ยวกับช่องปาก และยังทำให้เรามีความมั่นใจมีบุคลิกภาพที่ดีสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ

4
ข้อมูลโรคหลอดเลือดอัณฑะขอด (Varicocele)

หลอดเลือดอัณฑะขอด หมายถึง ภาวะกลุ่มหลอดเลือดดำ (ที่มีชื่อว่า anterior spermatic plexus) ที่บริเวณถุงอัณฑะเกิดการพองตัวหรือขอดซึ่งเป็นผลจากลิ้นปิดเปิดในหลอดเลือดดำบกพร่องหรือหย่อนสมรรถภาพทำให้เลือดไหลย้อนกลับ

พบบ่อยในเด็กวัยรุ่น (ประมาณร้อยละ 16 ของเด็กอายุ 10-19 ปี) และพบว่าผู้ชายที่เป็นหมัน (มีบุตรยาก) จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชายที่ไม่ได้เป็นหมัน (ผู้ชายที่เป็นหมันอาจพบโรคนี้ถึงร้อยละ 40)

ประมาณร้อยละ 85 ของผู้ป่วยจะเป็นที่ถุงอัณฑะข้างซ้าย เนื่องจากลักษณะทางกายวิภาคของระบบหลอดเลือดดำของอัณฑะข้างซ้ายนี้มีลักษณะแตกต่างจากข้างขวาและมีปัจจัยเอื้อต่อการเกิดหลอดเลือดขอดมากกว่าข้างขวา*

หลอดเลือดขอดที่ถุงอัณฑะข้างซ้าย มักไม่มีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย แต่ถ้าเป็นข้างขวา อาจมีสาเหตุอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เนื้องอกในช่องท้อง

*เนื่องจากหลอดเลือดดำของอัณฑะซ้ายเชื่อมต่อกับหลอดเลือดดำไต (renal vein) โดยเป็นมุมฉาก ทำให้การไหลเวียนเลือดในบริเวณนั้นสะดวกน้อยกว่าหลอดเลือดดำของอัณฑะขวาที่เชื่อมต่อกับท่อเลือดดำ (inferior vena cava) โดยตรง


สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัดถึงสาเหตุของการเกิดโรคนี้


อาการ

ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นถุงอัณฑะโต คลำดูมีลักษณะหยุ่น ๆ นุ่ม ๆ และมีสีคล้ำแบบหลอดเลือดดำ เมื่อนอนลงอาจยุบลงได้ อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นไส้เลื่อน

ส่วนมากจะไม่มีอาการแสดง บางรายอาจรู้สึกปวดหน่วง ๆ โดยเฉพาะเวลาอากาศร้อน หรือหลังออกกำลังกายหรือทำงาน มักปวดมากขึ้นตอนบ่าย ๆ ถึงค่ำ ๆ และทุเลาเมื่อนอนราบ

ส่วนใหญ่มักเป็นเพียงข้างเดียว ส่วนน้อยอาจเป็นทั้ง 2 ข้าง


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้อัณฑะข้างที่เป็นหลอดเลือดขอดฝ่อตัว หรือเป็นหมัน เนื่องจากมีการผลิตอสุจิได้น้อยลง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกายเป็นหลัก บางรายแพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจอัลตราซาวนด์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

ถ้าไม่มีอาการแสดง ก็ไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างใด บางรายอาจหายได้เอง เมื่ออายุมากขึ้น

ถ้ามีอาการปวดหน่วง แนะนำให้ผู้ป่วยใส่กางเกงในรัด ๆ และกินยาบรรเทาปวด

ถ้ามีอาการปวดมากหรือเป็นหมัน (พบว่าหลอดเลือดอัณฑะขอดเป็นสาเหตุสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายเป็นหมันได้) หรือหลอดเลือดที่ถุงอัณฑะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นข้างขวา) ที่อยู่ ๆ เกิดขอดขึ้นมาอย่างฉับพลันในผู้ที่อายุมาก (อาจมีสาเหตุผิดปกติในช่องท้อง เช่น ก้อนเนื้องอกของไต) ควรปรึกษาแพทย์ ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะเพื่อตรวจพิเศษเพิ่มเติม (เช่น อัลตราซาวนด์) และอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไข บางรายอาจผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้อง หรือทำ percutaneous embolization

ในรายที่เป็นหมัน หลังการรักษาด้วยการผ่าตัดอาจช่วยให้มีบุตรได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น อัณฑะบวม มีก้อนที่อัณฑะ อัณฑะ 2 ข้างมีขนาดต่างกัน หรือผู้ชายเป็นหมัน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหลอดเลือดอัณฑะขอด ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดท้อง ปวดอัณฑะมาก อัณฑะเป็นก้อนแข็งหรือบวมแดง
    ในรายที่แพทย์รักษาด้วยการผ่าตัด หลังผ่าตัด อัณฑะมีการอักเสบบวมแดง หรือมีเลือดออกในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด


ข้อแนะนำ

ผู้ชายที่เป็นหมัน ควรปรึกษาแพทย์ อาจเกิดจากหลอดเลือดอัณฑะขอด ซึ่งหลังผ่าตัดอาจช่วยให้มีบุตรได้

5
ซ่อมบำรุงอาคาร: ท่อแอร์ตัน แก้อย่างไร?

หลายบ้านคงต้องเคยพบกับปัญหาน้ำแอร์หยด ถือเป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นได้บ่อยกับแอร์บ้าน ไม่ว่าจะยี่ห้อใดก็ตาม เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจาการประกอบและติดตั้งเป็นหลัก และเมื่อเกิดน้ำหยดแล้วก็มักเป็นเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะแอร์ที่ติดตั้งในห้องนอน เพราะมักมีน้ำหยดลงบนที่นอน ทำให้เปิดแอร์นอนไม่ได้ โดยปัญหาดังกล่าวนี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไม่ได้ล้างแอร์ตามเวลาที่เหมาะสม ทำให้แผ่นกรองอากาศสกปรก สะสมฝุ่นละอองจนเกิดการอุดตัน

นอกจากเป็นสาเหตุทำให้แอร์ไม่ค่อยเย็นแล้ว ยังทำให้น้ำจับตัวกันเป็นก้อนกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้ไม่สามารถระบายความเย็นได้ทัน พอน้ำแข็งละลายทำให้เกิดหยดน้ำไหลออกมาจากตัวเครื่องหยดลงพื้นได้ ช่างแอร์ส่วนใหญ่จึงแนะนำให้ล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุมาจากการที่ท่อแอร์ตัน ซึ่งปัญหาการรั่วไหลของเครื่องปรับอากาศนั้น เกิดจากสิ่งสกปรกที่อยู่ด้านในของเครื่องปรับอากาศ ทำให้น้ำในเครื่องปรับอากาศนั้นไม่ได้ไหลออกมาจากท่อระบายน้ำที่ต่อออกมาสู่ด้านนอกนั่นเอง วันนี้จะมาแนะนำวิธีการแก้ไขท่อแอร์ตัน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เกิดการรั่วซึมของของเหลวภายในเครื่องปรับอากาศ ที่หลายคนอาจจะกังวลใจหรือมักจะพบได้บ่อย


ในปัจจุบันแอร์ ได้รับความนิยมเป็นอย่างกว้างขวางในปัจจุบันเพราะมีรูปร่างที่กะทัดรัด เล็กและเหมาะสมกับพื้นที่ห้องที่มีขนาดเล็ก นอกจากช่วยทำความเย็นแล้ว ยังช่วยทำให้อากาศสะอาด ช่วยให้อากาศภายในห้องไหลเวียน ไม่อึดอัด และยังช่วยควบคุมความชื้น ซึ่งประโยชน์เหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเราด้วย เราจึงจำเป็นที่จะต้องล้างทำความสะอาดอย่างถูกต้องหรือต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาล้างแอร์ตามเวลาที่เหมาะสม เพราะไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้แอร์เสื่อมสภาพได้ และยังทำให้เราเสียสุขภาพอีกด้วย สำหรับวิธีการทำความสะอาดท่อแอร์นั้น ก็สามารถทำได้โดยเริ่มจากไปที่เครื่องปรับอากาศหน่วยกลางแจ้ง

ซึ่งมีท่อระบายน้ำสำหรับเครื่องปรับอากาศ ซึ่งในปกติแล้วน้ำจะไหลออกมาทางท่อระบายนี้ ในขณะที่เครื่องปรับอากาศกำลังทำงาน ให้เป่าเข้าไปในท่อระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศด้านนอกเพื่อเป็นการเป่าฝุ่นที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศ วิธีการง่ายๆนี้สามารถแก้ไขปัญหาฝุ่นที่ติดในเครื่องปรับอากาศได้ หรือจะใช้วิธีการนำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดที่ปากท่อระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศ เครื่องดูดฝุ่นจะทำหน้าที่ดูดฝุ่นจากเครื่องปรับอากาศออกมา วิธีการก็คือ นำปากเครื่องดูดฝุ่นกับปากท่อระบายน้ำของเครื่องปรับอากาศมาต่อกัน แต่ต้องให้ปากท่อระบายน้ำตั้งขึ้น และกดดูดฝุ่นโดยไม่ให้มีช่องว่างในปากเครื่องดูดฝุ่น เพื่อจะให้เครื่องดูดฝุ่นทำการดูดฝุ่นและทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในตัวเครื่องปรับอากาศได้และหากพบว่ามีตะไคร้น้ำก็ควรรีบทำความสะอาด อย่าลืมสับเบรกเกอร์ลงก่อนเสมอทุกครั้งที่มีการทำงานกับแอร์ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราหมั่นดูแลรักษาความสะอาดของแอร์ ก็จะช่วยทำให้ประหยัดพลังงาน ประหยัดค่าซ่อมบำรุง และยืดอายุการทำงานของเครื่อง นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของผู้ใช้และผู้อยู่อาศัย


เนื่องจากการล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอยู่เสมอ จะช่วยขจัดเอาฝุ่นละออง เชื้อโรค เชื้อรา ที่เกาะติดอยู่กับส่วนต่าง ๆ ของเครื่อง และที่ล่องลอยอยู่ในอากาศภายในห้องออกไปด้วย เพราะฝุ่นละอองที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจะถูกดักจับโดยแผงกรองฝุ่น ที่เรียกว่า ฟิลเตอร์ เป็นเชื้อโรค เชื้อรา เหล่านี้ อาจเป็นสาเหตุของการทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ เช่น โรคภูมิแพ้ วัณโรค หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เพราะฉะนั้น เรื่องของความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่เราไม่ควรละเลย


อย่างไรก็ตาม เครื่องปรับอากาศ ก็ยังมีความจำเป็นของใครหลายๆคน หากจะเลือกซื้อแอร์สักเครื่อง ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เราอยากให้ทุกคนได้เลือกเครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานที่เหมาะสมกับคุณ ทางเรามีบริการดูแลระบบเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ที่มีคนจำนวนมาก เพื่อที่จะได้สามารถใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราถือว่า ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะใช้ชีวิตในภายในอาคาร นั่นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้าเราได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์และสะอาดเข้าไป ก็จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้สดชื่น สบายมากยิ่งขึ้น



6
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เมลิออยโดซิส (Melioidosis)

เมลิออยโดซิส เป็นโรคติดเชื้อรุนแรงที่พบได้ทั้งในคนและสัตว์ พบว่าประเทศไทยมีรายงานผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดในโลก และคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วยใหม่เกิดขึ้นปีละ 2,000-3,000 ราย พบได้ทุกภาคของประเทศ แต่พบมากที่สุดทางภาคอีสาน

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40-60 ปี พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.4 เท่า

ผู้ที่เสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อและเป็นโรคนี้ ได้แก่ เกษตรกร และผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการสัมผัสดินและน้ำ (เช่น ทหารที่ฝึกซ้อมในภาคสนาม หรือในการทำสงคราม)

ผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้มักมีโรคประจำตัวร่วมด้วย โดยเฉพาะเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง รวมทั้งผู้ที่มีประวัติดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันนาน ๆ

โรคนี้พบได้ตลอดปี แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงกันยายน)

โรคนี้อาจแสดงอาการได้หลายลักษณะ ทั้งเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง บางครั้งอาจเกิดการติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการก็ได้ (ซึ่งเชื้อจะหลบซ่อนอยู่ในร่างกาย ต่อมาภายหลังเมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ ก็จะมีอาการเกิดขึ้นได้)

นอกจากนี้ยังอาจมีอาการคล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (รวมทั้งโรคติดเชื้อร้ายแรง เช่น สแตฟีโลค็อกคัสออเรียส) วัณโรค และมะเร็งต่าง ๆ จึงได้ชื่อว่า ยอดนักเลียนแบบ

สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อเมลิออยโดซิส ซึ่งเป็นแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า เบอร์คอลเดเรียสูโดมัลเลไอ (Burkholderia pseudomallei) เชื้ออาศัยอยู่ในดินและน้ำ ส่วนใหญ่เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่มีบาดแผล (เช่น บาดแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการทำงานในท้องไร่ ท้องนา บาดแผลจากอุบัติเหตุ เช่น รถชน รถคว่ำ บาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก บาดแผลจากสงคราม เป็นต้น) โดยการสัมผัสดินโคลน หรือน้ำที่มีเชื้อโดยตรง

นอกจากนี้ อาจติดต่อทางการหายใจ (เช่น การสูดหายใจเอาเชื้อเข้าปอด การสำลักน้ำเข้าปอดในผู้ป่วยที่จมน้ำ เป็นต้น) ทางการกิน (เช่น การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ) การติดจากผู้ป่วย (คนสู่คน) โดยตรงซึ่งพบได้น้อย การติดเชื้อในห้องปฏิบัติการ และการติดเชื้อในโรงพยาบาล

เชื้อเมลิออยโดซิส เมื่อเข้าสู่ร่างกายสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อแทบทุกระบบของร่างกาย ซึ่งพบบ่อยที่สุดคือ กระแสเลือด รองลงมาคือ ปอด ผิวหนัง และเนื้อเยื่อตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อที่ช่องท้อง (ตับ ม้าม ไต ทางเดินปัสสาวะ ลำไส้ ตับอ่อน ต่อมหมวกไต เยื่อบุช่องท้อง) คอหอยและทอนซิล ต่อมน้ำลายพาโรติด ต่อมน้ำเหลือง กล้ามเนื้อ ข้อและกระดูก สมอง เป็นต้น

การติดเชื้อเมลิออยโดซิส แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ได้แก่ การติดเชื้อเฉพาะที่ กับการติดเชื้อในกระแสเลือด (ซึ่งยังแบ่งย่อยเป็นแบบแพร่กระจาย และแบบไม่แพร่กระจาย)

อาการ

โรคนี้มีอาการแสดงได้หลายลักษณะ

1. ถ้าเป็นแบบเฉียบพลัน มักจะมีไข้สูง หนาวสั่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน คล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ (เช่น มาลาเรีย ไทฟอยด์ สครับไทฟัส เล็ปโตสไปโรซิส) และมักมีอาการของปอดอักเสบ หรือเป็นฝีกระจายไปทั่วปอด คล้ายการติดเชื้อสแตฟีโลค็อกคัสออเรียส (มีอาการไอ เจ็บหน้าอก หายใจหอบ) บางรายอาจมีการติดเชื้อของตับ (ปวดชายโครงขวา ตับโต ดีซ่าน) ม้าม (ปวดชายโครงซ้าย ม้ามโต) ไต (เป็นฝี) ผิวหนัง (ขึ้นเป็นตุ่มนูน ตุ่มหนอง เป็นฝี เป็นต้น) หรืออวัยวะอื่น ๆ ร่วมด้วย

ในรายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบแพร่กระจาย มักมีการอักเสบของอวัยวะหลายแห่งพร้อมกัน อาการจะเป็นมากขึ้นรวดเร็วภายใน 2-3 วัน จนเกิดภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ และเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง

ในรายที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบไม่แพร่กระจาย มักจะมีอาการไข้ และอาจมีการติดเชื้อของปอดและอวัยวะอื่นร่วมด้วยเพียง 1-2 แห่ง บางรายอาจไม่พบตำแหน่งติดเชื้อชัดเจน อาการมักจะไม่รุนแรงและมีการเปลี่ยนแปลงช้า โอกาสที่เกิดภาวะช็อกค่อนข้างต่ำ และมีอัตราตายต่ำ แต่บางรายอาจกลายเป็นการติดเชื้อในกระแสเลือดแบบแพร่กระจายในเวลาต่อมาก็ได้

2. ในรายที่มีการติดเชื้อเฉพาะที่ มักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไป เรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี ผู้ป่วยอาจมีไข้ต่ำหรือไม่มีไข้ก็ได้ มักมีอาการน้ำหนักลด และมีอาการแสดงตามความผิดปกติของอวัยวะที่ติดเชื้อ (อาจเกิดเพียง 1 แห่ง หรือพร้อมกันหลายแห่ง) เช่น

    ปอด มีอาการไอเรื้อรัง น้ำหนักลด คล้ายวัณโรคปอด หรือมะเร็งปอด
    ต่อมน้ำเหลืองที่ข้างคอ มีอาการต่อมน้ำเหลืองข้างคอโตเรื้อรัง (อาจมีอาการปวดและแดงร้อนหรือไม่ก็ได้) คล้ายวัณโรคต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
    ผิวหนัง มีรอยโรคได้หลายแบบ อาจเริ่มด้วยก้อนนูนขนาด 1-2 ซม. อาจมีอาการเจ็บ แต่ไม่มีอาการแดงร้อน (ทำให้ไม่คิดถึงการอักเสบ) หรืออาจมีอาการของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ การติดเชื้อของบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือแผลอักเสบ หรือเป็นฝีแล้วแตกออกเป็นแผล (อาจกลายเป็นแผลเรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ถึง 10 ปี) รอยโรคที่ผิวหนังอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายแห่ง และเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของผิวกาย บางรายอาจมีภาวะโลหิตเป็นพิษแทรกซ้อนได้
    ตับ เป็นฝี เป็นก้อนบวมคลำได้ที่ใต้ชายโครงขวา
    ม้าม เป็นฝี เป็นก้อนบวมคลำได้ที่ใต้ชายโครงซ้าย
    คอหอยและทอนซิล มีอาการไข้ เจ็บคอ ทอนซิลบวมโต เป็นหนองแบบทอนซิลอักเสบ อาจมีประวัติว่าได้ยารักษาทอนซิลอักเสบมา 1-2 สัปดาห์แล้วยังไม่ดีขึ้น
    กล้ามเนื้อและกระดูก พบกล้ามเนื้ออักเสบเป็นหนอง (pyomyositis) กระดูกอักเสบเป็นหนอง (osteomyelitis) ข้ออักเสบ (ข้อบวมแดงร้อน)
    ทางเดินปัสสาวะ พบทางเดินปัสสาวะอักเสบ ฝีไต ฝีรอบไต (perirenal abscess)
    อื่น ๆ เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีสมอง ก้านสมองอักเสบ (brain stem encephalitis) ฝีลำไส้ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ฝีต่อมหมวกไต ฝีตับอ่อน เป็นต้น

ในเด็ก (อายุต่ำกว่า 14 ปี) มักจะพบต่อมน้ำลายข้างหู (พาโรติด) อักเสบเป็นหนอง (suppurative parotitis) ซึ่งไม่พบในผู้ใหญ่ มักเป็นเพียงข้างเดียว โดยมีอาการไข้ ปวดบวมบริเวณหน้าหูคล้ายคางทูม ก้อนจะบวมแดงมากขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ และอาจมีตุ่มหนองขึ้นที่ผิวหนังบริเวณที่บวม หนองไหลออกจากหูข้างเดียวกัน หรือมีหนังตาอักเสบ (periorbital cellulitis) ร่วมด้วย บางรายอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือดร่วมด้วย ซึ่งอาจรุนแรงถึงตายได้

โดยทั่วไป การติดเชื้อเฉพาะที่มักไม่รุนแรง มักไม่เกิดภาวะช็อก และมีอัตราตายต่ำ แต่บางรายปล่อยไว้ไม่รักษา อาจมีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดแบบแพร่กระจายเกิดภาวะช็อก เป็นอันตรายได้


ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรงและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก็คือ ภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ และภาวะการหายใจล้มเหลว

อาจพบภาวะแทรกซ้อนทางปอด เช่น ภาวะมีหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด ภาวะมีลมในโพรงเยื่อหุ้มปอด

อาจพบภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่เป็นเฉียบพลัน มักมีไข้สูง หายใจหอบ ฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) อาจมีตับโต ม้ามโต (อาจกดเจ็บหรือไม่ก็ได้) ดีซ่าน หรือมีเลือดออกใต้เยื่อบุตา (subconjunctival hemorrhage) อาจพบรอยโรคที่ผิวหนัง (ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี)

ในรายที่รุนแรงมักพบภาวะช็อก

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจมีไข้สูง ไข้ต่ำ ๆ หรือไม่มีไข้ก็ได้ มักมีน้ำหนักลด (ซูบผอม) ภาวะซีด และพบรอยโรคของอวัยวะที่เป็นโรค เช่น ปอด (มีเสียงกรอบแกรบ) ตับโต ม้ามโต ผิวหนัง (ตุ่มนูน ตุ่มหนอง ฝี แผลอักเสบ หรือแผลเรื้อรัง) ต่อมน้ำเหลืองโต ต่อมน้ำลายข้างหูโต (คางทูม) ทอนซิลบวมแดงเป็นหนอง ข้อบวมแดงร้อน เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (คอแข็ง)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพบเชื้อโดยการย้อมหรือเพาะเชื้อจากเลือดหรือสิ่งคัดหลั่ง (เสมหะ ปัสสาวะ หนองจากผิวหนังหรือฝีของอวัยวะต่าง ๆ) อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง (เช่น indirect hemagglutination test, ELISA) ทำการเอกซเรย์ปอด ตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (ดูฝีในตับ ม้าม ไต) เจาะหลัง (ในรายที่สงสัยมีการติดเชื้อของสมอง) ตรวจเลือดดูการทำงานของตับและไต (AST, ALT, BUN, creatinine) ตรวจปัสสาวะ (ดูการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่เป็นรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การดูแลตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ให้สารน้ำและเกลือแร่ ออกซิเจน ใช้เครื่องช่วยหายใจ ผ่าระบายหนอง เป็นต้น

ที่สำคัญคือต้องให้ยาปฏิชีวนะ ได้แก่ เซฟทาซิไดม์ (ceftazidime) ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ อาจให้เพียงชนิดเดียว หรือให้ร่วมกับโคไตรม็อกซาโซลเข้าหลอดเลือดดำ บางกรณีอาจให้โคอะม็อกซิคลาฟ หรือยาปฏิชีวนะชนิดอื่นแทน

เมื่อดีขึ้นจะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน แบบเดียวกับที่ใช้รักษาผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงต่อไปอีก 20 สัปดาห์

2. ในรายที่อาการไม่รุนแรงหรือเป็นเรื้อรัง จะให้ยาปฏิชีวนะชนิดกิน เช่น

    โคไตรม็อกซาโซล ร่วมกับดอกซีไซคลีน
    ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือแพ้ยาข้างบน ให้โคอะม็อกซิคลาฟ

เมื่ออาการดีขึ้น (มักใช้เวลาประมาณ 10 วันหลังจากเริ่มให้ยา) ควรให้กินติดต่อกันนาน 20 สัปดาห์

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ถ้ามีอาการรุนแรงและเพาะเชื้อจากเลือดให้ผลบวก (ภาวะโลหิตเป็นพิษ) มีอัตราตายร้อยละ 40-75

ถ้ามีการติดเชื้อหลายแห่ง แต่เพาะเชื้อจากเลือดให้ผลลบ มีอัตราตายประมาณร้อยละ 20

ถ้ามีการติดเชื้อเฉพาะที่เพียง 1 แห่ง มีอัตราตายต่ำ ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติ

ผู้ป่วยต้องกินยานาน 20 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับกำเริบใหม่ พบว่าถ้าให้ยาน้อยกว่า 8 สัปดาห์ มีอัตราการกลับกำเริบใหม่ร้อยละ 23 และผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 27


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงร่วมกับอาการหนาวสั่น หรือมีไข้เรื้อรังเป็นสัปดาห์ ๆ ไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ต่อมน้ำเหลืองโต แผลเรื้อรัง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นเมลิออยโดซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาปฏิชีวนะให้ครบตามระยะที่แพทย์กำหนด (อาจนานถึง 20 สัปดาห์) ถึงแม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 10 วัน
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง ชัก หรือแขนขาอ่อนแรง
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันโรคนี้อย่างได้ผล

สำหรับพื้นที่ที่มีโรคนี้ชุกชุม ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง และผู้ที่มีบาดแผลตามร่างกาย อาจลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเมลิออยโดซิส โดยการหลีกเลี่ยงการย่ำน้ำที่ท่วมขังหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ หรือลงแช่น้ำในห้วยหนองคลองบึง ถ้าต้องเดินย่ำน้ำหรือพื้นดินที่ชื้นแฉะ (ตามตรอก ซอย คันนา ท้องนา ท้องไร่) ให้ใส่รองเท้าบู๊ตหรือรองเท้าหุ้มข้อ

อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นกลุ่มเสี่ยง (เช่น ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้สเตียรอยด์นาน ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรคนี้ชุกชุม) ให้เฝ้าระวังการเกิดโรคนี้ ถ้ามีอาการน่าสงสัยก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ให้การรักษาแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคลุกลามและการเกิดภาวะแทรกซ้อน

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีอาการคล้ายโรคติดเชื้อหลายชนิด ทุกครั้งที่วินิจฉัยแยกแยะอาการของโรคติดเชื้อ (เช่น ไข้ ไอ รอยโรคที่ผิวหนัง เป็นต้น) ควรคิดถึงโรคนี้ไว้ด้วยเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ทางภาคอีสานและมีโรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ดื่มแอลกอฮอล์จัด หรือใช้ยาสเตียรอยด์มานาน ๆ หรือในกรณีให้การรักษาโรคติดเชื้ออื่น ๆ (เช่น คางทูม ทอนซิลอักเสบ ฝี แผล ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ข้ออักเสบ เป็นต้น) แล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจเกิดจากโรคนี้ก็ได้

ในรายที่มีไข้และไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ต้องแยกระหว่างวัณโรคปอดกับเมลิออยโดซิส ถ้าตรวจไม่พบเชื้อวัณโรคในเสมหะ หรือให้ยารักษาวัณโรคแล้วไม่ดีขึ้น ก็อาจเกิดจากเมลิออยโดซิสได้

2. โรคนี้บางครั้งมีอาการคล้ายมะเร็ง คือ น้ำหนักลดรวดเร็ว และมีก้อนบวม (เช่น ต่อมน้ำเหลืองโต คลำได้ก้อนตับหรือม้ามที่ค่อย ๆ โตขึ้น) นานเป็นแรมเดือนแรมปี หากผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นเมลิออยโดซิส ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจยืนยัน และถ้าเป็นโรคนี้จริงก็สามารถให้การรักษาให้หายขาดได้

3. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ จำเป็นต้องรักษาอย่างจริงจังและกินยาต่อเนื่องนาน 20 สัปดาห์ หากกินไม่สม่ำเสมอหรือกินไม่ครบตามกำหนด ก็อาจมีอาการกำเริบใหม่ได้ (มักเกิดภายใน 21 สัปดาห์ หลังหยุดยา บางรายอาจนานถึง 5 ปีกว่า) ผู้ป่วยที่มีอาการกำเริบใหม่อาจเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

7
เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF Line ช่วยปรับสมดุลกล้ามเนื้อ

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง สำหรับเด็ก ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาฟันได้แทบทุกรูปแบบ เนื่องจากในวัยเด็กนั้น มักพบเจอกับปัญหาฟันผุ ซึ่งมีสาเหตุมาจากการละเลยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะคิดว่าการดูแลฟันของเด็กในวัยที่ยังมีฟันน้ำนมอาจจะไม่จำเป็น เพราะคิดว่ายังไงฟันแท้ขึ้นมาแทนที่อยู่แล้ว ซึ่งความคิดนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิด เพราะฟันน้ำนมส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ ถ้าหากเรามีฟันที่ผุหรือไม่รักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย อาจจะส่งผลทำให้เกิดความผิดปกติของการขึ้นของฟันแท้ได้นั่นเอง

ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่มักจะพบได้ก็คือการเกิดฟันซ้อนเก ฟันห่าง ทำให้มีปัญหาในการรับประทานอาหาร บดเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดและส่งผลต่อบุคลิกภาพของเด็ก ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจและอาจจะโดนเพื่อนล้อได้ ดังนั้น จึงนิยมใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและได้ผลแม่นยำมาก พ่อผู้ปกครอง อาจจะคิดว่าการจัดฟันในเด็กนั้น ยังไม่มีความจำเป็นมากเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่า การจัดฟันในเด็กนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุตั้งแต่ 4-15 ปี ซึ่งจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า EF Line ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติได้ ทั้งยัง ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูก โดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุของเด็ก  นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ยังช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อ ได้อีกด้วย

และในวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของเครื่องมือการจัดฟัน EF Line ในแง่ของการปรับสมดุลของกล้ามเนื้อของเด็ก ให้เข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น  เพราะเด็กบางคนที่มีพฤติกรรมความเคยชินบางอย่าง เช่น การดูดนิ้ว การแกะเล็บ การกัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้จะมีผลต่อการเรียงตัวของฟัน หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติด้วย ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองหรือตัวเด็กเอง ก็ควรตระหนักและให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ในการรักษา กล้ามเนื้อเป็นสิ่งกำหนดรูปร่างของอวัยวะต่างๆ เช่นใบหน้า โดยแท้จริงแล้วกล้ามเนื้อมีความแข็งแรงและมีอิทธิพลเหนือกระดูกมาก

ซึ่งพบว่าตำแหน่งและการทำงานของลิ้น กิจกรรมของกล้ามเนื้อรอบปาก และการหายใจผ่านทางจมูกล้วนมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขการสบฟันผิดปกติรวมไปถึงการคงสภาพผลของการจัดฟันในระยะยาว ซึ่งเครื่องมือการจัดฟัน EF Line ก็มีส่วนที่ช่วยปรับสมดุลให้กับกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กจัดฟันง่ายขึ้นและเสร็จเร็วมากขึ้น ทั้งยังเป็นการป้องกันปัญหาการคืนกลับตำแหน่งเดิมของฟันหลังจัดฟันด้วย สำหรับคำถามที่ว่า ถ้าหากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือการจัดฟัน EF Line แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปหรือเด็กโตขึ้น ฟันจะคืนกลับสภาพเดิมหรือไม่  ในข้อนี้ ต้องอธิบายก่อนว่า ถ้าหากเราเปรียบเทียบผลการจัดฟันแบบสวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น หลังการใส่ EF Line กับแบบที่ไม่ใส่ EF Line แค่จัดฟันอย่างเดียว แบบที่มีการใส่EF Line ร่วมด้วยจะสวยกว่าและแก้ปัญหากระดูกได้ดีกว่า รวมถึงคงสภาพไปตลอดชีวิตจะดีกว่า และไม่ทำให้ฟันไม่เคลื่อนด้วย


ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF Line จึงได้ผลมากกว่าการจัดฟันตอนโต แถมยังมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF Line สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้ามาตรวจประเมินช่องปากเบื้องต้นกับทันตแพทย์จากทางคลินิกได้ เพราะทางเรามีทันตแพทย์จัดฟันที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก จึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง ทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

8
การเลือกของตกแต่ง เฉพาะตัวสู่ดีไซน์ที่แตกต่างแต่เรียบง่าย

การแต่งบ้านในสไตล์ "เฉพาะตัวสู่ดีไซน์ที่แตกต่างแต่เรียบง่าย" คือการผสมผสานระหว่าง ความเป็นตัวตน ของผู้อยู่อาศัยเข้ากับ ความงามที่เรียบง่ายแต่มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ไม่เน้นความซับซ้อนหรือของตกแต่งที่เยอะเกินไป แต่เน้นที่คุณภาพ ความหมาย และการจัดวางที่ลงตัว


แนวคิดหลัก: เฉพาะตัวสู่ดีไซน์ที่แตกต่างแต่เรียบง่าย

เฉพาะตัว (Personal Touch): ของตกแต่งควรสะท้อนรสนิยม ความสนใจ ความทรงจำ หรือเรื่องราวของเจ้าของบ้าน ไม่ใช่แค่ซื้อตามเทรนด์ แต่เป็นของที่มีความหมายและเชื่อมโยงกับชีวิต

แตกต่าง (Unique/Distinctive): แม้จะเรียบง่าย แต่ของชิ้นนั้นควรมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร อาจจะเป็นรูปทรง วัสดุ สีสัน หรือเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่ซ้ำใคร

เรียบง่าย (Simple): ไม่ซับซ้อน ไม่รกตา เน้นฟังก์ชันการใช้งาน (ถ้ามี) และความสวยงามของรูปทรงหรือพื้นผิวในตัวมันเอง การจัดวางก็ควรจะโปร่ง โล่งสบายตา

หลักการเลือกของตกแต่งให้ได้ดีไซน์เฉพาะตัวแต่เรียบง่าย

เน้นคุณภาพและวัสดุธรรมชาติ:

เลือกของที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ เซรามิก หิน โลหะ หรือผ้าฝ้าย/ลินิน ที่มีคุณภาพดี

วัสดุเหล่านี้มักจะมี Texture และสีสันที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ไม่ต้องมีลวดลายเยอะก็ดูสวยงามและให้ความรู้สึกอบอุ่น


รูปทรงที่น่าสนใจ (Form over Ornament):

มองหาของตกแต่งที่มีรูปทรงแปลกตา ไม่ซ้ำใคร แต่ยังคงความเรียบง่าย เช่น แจกันทรงเรขาคณิต, โคมไฟที่มีโครงสร้างโดดเด่น, หรือประติมากรรมขนาดเล็กที่มีเส้นสายสะอาดตา

ของชิ้นเดียวที่รูปทรงสวยงาม สามารถเป็นจุดเด่นของห้องได้โดยไม่ต้องมีของเยอะ


สีสันที่กลมกลืนแต่มีจุดเด่น:

ใช้โทนสีหลักของห้องเป็นสีกลางๆ (Neutral Colors) เช่น ขาว เทา เบจ น้ำตาล

เพิ่มสีสันด้วยของตกแต่งเพียง 1-2 ชิ้น ที่มีสีสดใสหรือสีที่ตัดกันเล็กน้อย เพื่อสร้างจุดโฟกัสและไม่ทำให้ห้องดูจืดชืดเกินไป


ของที่มีเรื่องราวและความหมาย:

ของที่ระลึกจากการเดินทาง (แต่ต้องเลือกชิ้นที่สวยงามและเข้ากับสไตล์ ไม่ใช่แค่ของที่ระลึกทั่วไป)

งานศิลปะจากศิลปินท้องถิ่น หรือภาพวาดที่สื่อถึงความสนใจ

ของเก่าที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น (Heirlooms) ที่มีคุณค่าทางจิตใจ

ของเหล่านี้จะทำให้บ้านมีชีวิตชีวาและบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าของบ้านได้


การจัดวางอย่างมีศิลปะ (Less is More):

ไม่จำเป็นต้องวางของเยอะๆ แต่เน้นการจัดวางอย่างตั้งใจ ให้แต่ละชิ้นมีพื้นที่หายใจ

จัดกลุ่มของตกแต่งที่มีความเกี่ยวข้องกัน (เช่น สีเดียวกัน, วัสดุเดียวกัน, หรือธีมเดียวกัน)

สร้างสมดุลในการจัดวาง ไม่ให้หนักไปทางใดทางหนึ่ง

ไอเดียของตกแต่งเฉพาะตัวแต่เรียบง่าย
งานเซรามิก/เครื่องปั้นดินเผา:

แจกัน/ภาชนะเซรามิกทำมือ: เลือกที่มีรูปทรงไม่สมมาตรเล็กน้อย หรือมี Texture ของเนื้อดิน/เคลือบที่น่าสนใจ วางคู่กับกิ่งไม้แห้งหรือดอกไม้เพียงไม่กี่ดอก

แก้ว/จานเซรามิกดีไซน์เฉพาะ: ใช้เป็นของตกแต่งบนชั้นวาง หรือใช้จริงในชีวิตประจำวัน


สิ่งทอ (Textiles):

ผ้าแขวนผนัง (Wall Hanging): เลือกแบบ Macrame (มาคราเม่) ที่มีลวดลายการถักที่ซับซ้อนแต่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ หรือผ้าทอที่มีลวดลาย Abstract/เรขาคณิตในโทนสีอ่อนๆ

หมอนอิง/ผ้าคลุมโซฟา: เลือกเนื้อผ้าที่มี Texture พิเศษ เช่น ผ้าลินินยับๆ, ผ้าถักนิตติ้ง, หรือผ้าฝ้ายทอมือ ในโทนสีที่กลมกลืนกับห้อง


งานศิลปะและของตกแต่งผนัง:

ภาพวาดลายเส้น (Line Art) หรือ Abstract Art: เลือกโทนสีที่เรียบง่าย หรือเป็นภาพขาวดำ ใส่กรอบไม้เรียบๆ

ภาพถ่ายส่วนตัว: พิมพ์ภาพถ่ายที่สื่อความหมายหรือเป็นช่วงเวลาพิเศษ ใส่กรอบไม้/โลหะเรียบๆ แล้วจัดวางอย่างมีศิลปะ

กระจกดีไซน์แปลกตา: เลือกกระจกที่มีกรอบรูปทรงเรขาคณิต หรือกรอบโลหะบางๆ


ของตกแต่งจากไม้/โลหะ:

ถาดไม้/ถาดโลหะ: สำหรับวางของใช้บนโต๊ะกาแฟ หรือโต๊ะข้างเตียง เลือกแบบที่มี Texture ของเนื้อไม้ หรือโลหะขัดด้าน

เชิงเทียน/โคมไฟ: เลือกแบบที่มีรูปทรงเรียบง่าย แต่มีดีไซน์ที่น่าสนใจ หรือใช้วัสดุที่โดดเด่น

ประติมากรรมขนาดเล็ก: รูปทรง Abstract หรือรูปทรงธรรมชาติที่ทำจากไม้แกะสลัก หรือโลหะขัดเงา


ต้นไม้และกระถาง:

กระถางต้นไม้ดีไซน์มินิมอล: เลือกกระถางเซรามิกสีขาว/เทา/ดำ หรือกระถางปูนเปลือย

ชนิดของต้นไม้: เลือกต้นไม้ที่มีรูปทรงใบสวยงาม หรือมี Texture ที่น่าสนใจ เช่น มอนสเตอร่า, ลิ้นมังกร, ยางอินเดีย, หรือต้นไม้ที่มีใบสีเขียวเข้มตัดกับกระถางสีอ่อน

การเลือกของตกแต่งบ้านแบบ "เฉพาะตัวสู่ดีไซน์ที่แตกต่างแต่เรียบง่าย" ไม่ใช่เรื่องของราคาแพงเสมอไป แต่เป็นเรื่องของ การเลือกอย่างตั้งใจ และ การจัดวางอย่างมีรสนิยม เพื่อให้บ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่สะท้อนความเป็นตัวคุณได้อย่างแท้จริง และน่าอยู่สำหรับทุกคนครับ

9
จัดฟันบางนา: วิธีรักษา “ฟันห่าง” แบบไหนเหมาะสมกับคุณ ?

หลายๆคนที่กำลังประสบกับปัญหาเกิดช่องว่างระหว่างฟัน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ฟันห่าง” ซึ่งทำให้เสียความมั่นใจ เสียบุคลิก กระทบต่อหน้าที่การงานและชีวิตประจำวัน จนสุดท้ายต้องเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการรักษา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะคิดว่าวิธีรักษาฟันห่างนั้นมีแค่วิธีเดียวก็คือการจัดฟัน ซึ่งในยุคสมัยนี้ที่นวัตกรรมทางทันตกรรมก้าวหน้าเป็นอย่างมาก จึงทำให้มีมากมายหลายวิธีในการช่วยให้ฟันเรียวตัวเข้าที่อย่างสวยงามโดยไม่ทำการจัดฟัน โดยแต่ละวิธีนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป

ซึ่งในวันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับวิธีรักษาฟันเกิดช่องว่าง ด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงข้อดีและข้อเสียให้ได้ตัดสินใจกันอย่างถูกต้อง และเหมาะสม ดังต่อไปนี้

ข้อดี-ข้อเสีย วิธีรักษาฟันห่างแบบต่างๆ

1.    อุดฟัน เพื่อปิดช่องว่างระหว่างฟัน

วิธีนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีที่นิยมกันอย่างมาก โดยทางด้านทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนกับฟัน อุดเตริมเต็มฟันแต่ละซี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจนฟันชิดติดกัน ซึ่งวิธีนี้จะไม่จำเป็นต้องทำการกรอฟัน หรืออาจจะมีการกรอบ้างเล็กน้อยเพื่อตกแต่ง และเคลือบฟันเพื่อลดความนูนของสันฟัน เพื่อให้เกิดความสวยงามดูดีสมดุลของฟันทั้ง 2 ซี่ ซึ่งวิธีการนี้จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30 – 45 นาที สามารถทำเสร็จได้ในครั้งเดียว เหมือนอุดฟันทั่วไป

ข้อดี – มีราคาที่ถูก และใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ไม่ต้องเสียเวลางานมาหาทันตแพทย์หลายรอบ ไม่เจ็บปวด แถมมีความสวยงามเหมือนฟันตามธรรมชาติ อีกทั้งยังไม่ต้องทำการกรอฟันให้เสียหน้าฟันโดยใช่เหตุ และสามารถรื้อออกได้โดยที่ฟันไม่เสียหาย

ข้อเสีย – เมื่อทำแล้วต้องระมัดระวังอย่างสูงเวลากัดแทะสิ่งของหรืออาหารที่แข็งด้วยฟันหน้า เพราะ มีโอกาสที่จะเกิดการบิ่นหรือแตกหักได้ และเรื่องความสะอาดยิ่งจำเป็นต้องดูแลให้ดี เพราะ เศษอาหารจะเข้าไปติดในซอกฟันและทำความสะอาดได้ยาก

 
2.   เคลือบฟันเทียม

การรักษาช่องว่างระหว่างฟันด้วยวิธีนี้สิ่งแรกที่ทันตแพทย์จะทำก็คือการกรอฟันออกเล็กน้อย และจึงเริ่มทำการพิมพ์ฟันซึ่งจะนำไปทำเคลือบฟันเทียม ซึ่งเคลือบฟันเทียมนี้โดยส่วนใหญ่จะผลิตจาก พอร์ซเลน ซึ่งมีความใส สีเหมือนฟันมาก เมื่อทำการปั๊มแบบเรียบร้อยทันตแพทย์จะนัดวันใส่เคลือบฟันเทียมอีกทีหนึ่ง โดยการติดแผ่นเคลือบฟันเทียมเข้าไปที่ฟันแท้ ปกปิดช่องว่างของฟันได้อย่างแนบเนียน

ข้อดี – มีความสวยงาม สีเหมือนฟันจริง และที่สำคัญคือสีไม่เปลี่ยนแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนาน อีกทั้งยังสามารถปรับรูปฟันเล็กๆน้อยๆให้เรียงตัวกันแน่นขึ้นและดูสวยเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย

ข้อเสีย – การทำเคลือบฟันเทียมนั้น ต้องทำโดยทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะ การทำเคลือบฟันเทียมมีความละเอียดอ่อนสูง หากว่าทำไม่ดีอาจจะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ หรืออาจจะมีช่องว่าให้แบคทีเรียเข้าไปสะสมไม่สามารถทำความสะอาดได้จนก่อให้เกิดฟันผุ


3.    จัดฟัน เพื่อแก้ไขช่องฟันห่าง

อย่างที่ทราบกันดีแล้วว่า การจัดฟันนั้น คือการแก้ไขความไม่สมดุลจากการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติให้กลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งจะใช้เครื่องมือจากภายนอกและภายในเป็นตัวกำหนดทิศทางของการเรียงตัวของฟัน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งโครงสร้างของฟันใหม่ และ กระดูกที่ล้อมรอบบริเวณรากฟันจะถูกละลายและเสริมสร้างโครงสร้างของกระดูกใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นวิธีการรักษาช่องฟันห่างที่เป็นที่นิยมที่สุดเลยก็ว่าได้

ข้อดี – ฟันนั้นจะกลับมาเรียงตัวสวยงามตามธรรมชาติ อย่างช้าๆค่อยเป็นค่อยไป

ข้อเสีย – มีราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา และต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาฟันล้มฟันเกได้ และด้วยความที่มีอุปกรณ์ติดไว้ที่ช่องปาก ทำให้มีโอกาสเกิดการสะสมของเชื้อโรคต่างๆได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลความสะอาดที่ดีพอ

10
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
"NEWTECH INSULATION" ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
"เพราะเรา...เข้าใจเรื่องเสียง"

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
เลือกผ้ากันไฟเหมาะกับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ 

การเลือก ผ้ากันไฟ ให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณสมบัติการป้องกันอัคคีภัยที่ตรงตามความต้องการจริง ไม่ใช่แค่การเลือกผ้าที่ "ทนไฟ" แต่ต้องเข้าใจถึงคุณสมบัติเฉพาะของผ้าแต่ละชนิด และลักษณะของงานที่คุณต้องการนำไปใช้ นี่คือแนวทางในการเลือกผ้ากันไฟให้เหมาะสมกับงานของคุณค่ะ

1. ระบุประเภทของงานและสภาพแวดล้อมการใช้งาน
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือทำความเข้าใจว่าคุณจะใช้ผ้ากันไฟสำหรับอะไร และสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร:

ป้องกันเปลวไฟโดยตรง / ประกายไฟ / สะเก็ดไฟร้อน: เช่น งานเชื่อม ตัดโลหะ งานที่มีประกายไฟกระเด็น

เป็นฉากกั้นความร้อน / ม่านกันไฟ: ใช้แบ่งโซนพื้นที่เพื่อชะลอการลุกลามของไฟ หรือกั้นความร้อนจากแหล่งกำเนิด

หุ้มฉนวนอุปกรณ์ / ท่อที่ร้อนจัด: ต้องการหุ้มเครื่องจักร เตาอบ หรือท่อไอน้ำที่มีอุณหภูมิสูงมาก

ผ้าห่มดับเพลิง / อุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้น: สำหรับคลุมไฟขนาดเล็กเพื่อดับไฟ

การใช้งานกลางแจ้ง / สัมผัสสารเคมี: ต้องการคุณสมบัติกันน้ำ ทน UV หรือทนสารเคมี

พื้นที่ปิด / มีคนทำงานใกล้ชิด: ต้องการผ้าที่ไม่ฟุ้งกระจาย ไม่มีใยแก้วที่ทำให้ระคายเคือง


2. กำหนดช่วงอุณหภูมิที่ผ้าต้องทนได้
นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกวัสดุ:

อุณหภูมิใช้งานต่อเนื่อง (Continuous Operating Temperature): อุณหภูมิสูงสุดที่ผ้าสามารถทนได้ตลอดเวลาโดยไม่เสื่อมสภาพ

อุณหภูมิสูงสุดชั่วคราว (Peak/Intermittent Temperature): อุณหภูมิสูงสุดที่ผ้าสามารถทนได้เป็นเวลาสั้นๆ หรือเมื่อเกิดเปลวไฟปะทะโดยตรง

ตัวอย่างการเลือกตามอุณหภูมิ:

งานทั่วไป / ประกายไฟเล็กน้อย (ไม่เกิน 550°C - 750°C): ผ้าใยแก้ว (Fiberglass Fabric) ถือเป็นตัวเลือกที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพ

งานอุณหภูมิสูงมาก / เปลวไฟโดยตรง (750°C - 1000°C): พิจารณา ผ้าใยแก้วพิเศษ หรือ ผ้าซิลิก้า (Silica Fabric)

งานอุณหภูมิสูงจัด / เตาหลอม / ป้องกันความร้อนรุนแรง (1000°C - 1200°C+): ต้องใช้ ผ้าใยเซรามิก (Ceramic Fiber Fabric)


3. พิจารณาคุณสมบัติเพิ่มเติมและสารเคลือบ
ผ้ากันไฟหลายชนิดมีการเคลือบสารเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ:

ผ้าใยแก้วเคลือบซิลิโคน (Silicone Coated Fiberglass Fabric):

ข้อดี: เพิ่มความทนทานต่อการขูดขีด, กันน้ำ, ทนต่อสารเคมีบางชนิด, ป้องกันการฟุ้งกระจายของเส้นใย, ทำความสะอาดง่าย, มีสีสันให้เลือก

เหมาะสำหรับ: ผ้าม่านกันประกายไฟ, หุ้มท่อ/อุปกรณ์, ใช้ในพื้นที่ที่มีคนทำงานใกล้ชิด

ผ้าใยแก้วเคลือบเวอร์มิคูไลต์ (Vermiculite Coated Fiberglass Fabric):

ข้อดี: เพิ่มคุณสมบัติการทนความร้อนและการไม่ลามไฟให้สูงขึ้น, ทนทานต่อการเสียดสีได้ดี

เหมาะสำหรับ: งานเชื่อมหนัก, ผ้าม่านกันไฟ, ป้องกันการทะลุผ่านของเปลวไฟ

ผ้าใยแก้วเคลือบ PU (Polyurethane Coated Fiberglass Fabric):

ข้อดี: เพิ่มความแข็งแรง, ทนทานต่อการขูดขีดและน้ำมัน, ยืดหยุ่นได้ดี

เหมาะสำหรับ: ผ้าม่านกันประกายไฟ, ปลอกหุ้มสายไฟ/สายไฮดรอลิก

ผ้าใยแก้วแบบไม่มีการเคลือบ (Plain Fiberglass Fabric):

ข้อดี: ราคาประหยัด, ทนอุณหภูมิสูงได้ดี (ตามเกรดใยแก้ว), เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการคุณสมบัติพิเศษ

ข้อควรพิจารณา: อาจมีเส้นใยฟุ้งกระจาย ทำให้ระคายเคืองผิวหนัง


4. ตรวจสอบมาตรฐานการรับรองและผลการทดสอบ
เพื่อความมั่นใจในประสิทธิภาพของผ้ากันไฟ ควรตรวจสอบการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ:

มาตรฐานการทนไฟ (Fire Retardancy Standard): เช่น NFPA 701, ASTM E84 (UL 723) สำหรับดัชนีการลามไฟและการเกิดควัน, EN ISO 15025

รายงานผลการทดสอบ (Test Reports): ผู้ผลิตควรมีเอกสารรับรองจากห้องปฏิบัติการอิสระ ที่ระบุคุณสมบัติการทนอุณหภูมิ คุณสมบัติการไม่ลามไฟ และอื่นๆ


5. พิจารณาความหนาและน้ำหนักของผ้า
ความหนา (Thickness): ผ้าที่หนากว่ามักจะให้การป้องกันที่ดีกว่าและทนทานกว่า

น้ำหนัก (Weight/Density - gsm): ค่า gsm ที่สูงขึ้นบ่งบอกถึงความหนาแน่นและปริมาณใยแก้ว/เส้นใยที่มากขึ้น ซึ่งมักจะสัมพันธ์กับความทนทานและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น


6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและขอตัวอย่าง
หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญด้านผ้ากันไฟโดยตรง เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับงานของคุณ

หากเป็นไปได้ ลองขอตัวอย่างผ้ามาทดสอบด้วยตัวเองในสภาพแวดล้อมจำลอง (อย่างระมัดระวัง) เพื่อดูประสิทธิภาพจริง


สรุปการเลือกผ้ากันไฟอย่างมีประสิทธิภาพ:

การเลือกผ้ากันไฟที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งานจริง ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบด้าน ทั้ง ประเภทของวัสดุ (ตามอุณหภูมิที่ทนได้), คุณสมบัติการไม่ลามไฟและการรับรองมาตรฐาน, สารเคลือบและคุณสมบัติเสริม ที่จำเป็นสำหรับสภาพแวดล้อมของคุณ และ ความหนา/น้ำหนัก ของผ้า การลงทุนในผ้ากันไฟที่ถูกต้อง จะนำมาซึ่งความปลอดภัยที่คุ้มค่าในระยะยาวค่ะ

คุณต้องการผ้ากันไฟสำหรับงานประเภทไหนเป็นพิเศษไหมครับ ผมจะได้ช่วยแนะนำประเภทที่เฉพาะเจาะจงให้ได้?

13
บริการทำความสะอาด: วิธีล้างห้องน้ำ เปลี่ยนห้องน้ำที่สกปรกให้สะอาดเหมือนใหม่

ห้องน้ำ สกปรก ไม่น่าใช้งาน เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่หลาย ๆ บ้านต้องเผชิญ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่สวยงาม ไม่น่ามองแล้ว ยังเป็นที่อยู่อาศัยชั้นดีของเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่มองไม่เห็นด้วย ซึ่งอาจส่งผลที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัวได้จึงมี 7 วิธีล้างห้องน้ำสกปรกมาก มาช่วยแก้ปัญหานี้ให้กับทุกคนกัน

 วิธีล้างห้องน้ำ ให้สะอาดทั่วทุกมุมใน 7 ขั้นตอน

1. ทำความสะอาดโซนเปียก

สำหรับ ห้องน้ำ ที่มีการแบ่งโซนเปียกและโซนแห้ง จะต้องรู้ถึงวิธีการทำความสะอาดทั้ง 2 โซนอย่างเหมาะสม เพื่อที่จะได้กำจัดคราบสกปรกออกได้อย่างหมดจด โดยสำหรับโซนเปียกที่ใช้อาบน้ำนั้นมักจะมีคราบสบู่ คราบไขมัน เส้นผม รวมไปถึงความชื้นสะสมอยู่ตามก๊อกน้ำและฝักบัว ทำให้ห้องน้ำสกปรกไม่น่าใช้งาน เป็นที่อยู่ของเชื้อรา ราดำและเชื้อโรคประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้

ฉีดน้ำยาทำความสะอาด

วิธีทำความสะอาด ห้องน้ำ ก็เริ่มต้นด้วยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีฤทธิ์เป็นกรดทำลายพื้นผิว หรือใช้น้ำสบู่ใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณชั้นวาง ราวจับ ก๊อกน้ำ และอุปกรณ์อื่น ๆ ก่อนจะใช้ฟองน้ำขัดถูคราบสกปรกตามบริเวณต่าง ๆ  แล้วจึงใช้น้ำล้างให้สะอาด จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดพื้นผิวให้แห้งเพื่อป้องกันความชื้นสะสม และหากคุณอยากมั่นใจว่าทุกครั้งที่อาบน้ำคุณจะได้ใช้น้ำที่สะอาด ก็ควรที่จะทำความสะอาดหัวฟักบัวซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้โดยการนำน้ำส้มสายชูมาผสมกับน้ำเปล่าใส่ถุงพลาสติก แล้วนำมาครอบไว้ที่หัวฟักบัว โดยใช้หนังยางมัดเอาไว้ จากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที และเมื่อครบเวลาที่กำหนดให้แกะถุงออกแล้วเปิดน้ำด้วยความแรงสูงสุด เพื่อไล่สิ่งสกปรกที่ซ่อนอยู่ในหัวฝักบัวให้ออกมาให้หมด

เพื่อให้คุณมีความสุขกับการอาบน้ำได้มากกว่าที่เคย การเลือกใช้ฝักบัวที่มาพร้อมกับสายน้ำหลากหลายรูปแบบก็จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับการอาบน้ำได้มากยิ่งขึ้น โดยอาจเลือกใช้เป็นฝักบัวสายอ่อน หรือฝักบัวก้านแข็ง ที่มีเทคโนโลยี WARM SPA ปล่อยสายน้ำเป็นลำน้ำอบอุ่นไหลทั่วผิวกาย และช่วยลดการกระเซ็น หรือเทคโนโลยี COMFORT WAVE ที่ช่วยมอบสัมผัสของสายน้ำชุ่มฉ่ำ พร้อมช่วยกระตุ้นหนังศีรษะ ก็จะสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ สำหรับท่านใดที่มีความกังวลเกี่ยวกับการประหยัดน้ำ สามารถเลือกใช้เป็นฝักบัวที่มีเทคโนโลยี AERIAL SHOWER ได้ เพราะจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำได้มากกว่า 35% หรือใช้น้ำเพียง 6.5 ลิตรต่อนาทีเท่านั้น (เมื่อเทียบกับฝักบัวทั่วไปที่ใช้น้ำประมาณ 10 ลิตรต่อนาที) เนื่องจากเป็นระบบที่ดึงอากาศเข้ามาผสมกับน้ำ ให้คุณสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของสายน้ำ โดยใช้น้ำน้อยลงอีกด้วย

 2. ทำความสะอาดผนัง เพดาน

บริเวณผนัง ห้องน้ำ เป็นอีกหนึ่งจุดที่มักมีคราบสบู่ คราบไขมัน รวมถึงฝุ่น ละอองต่าง ๆ มาเกาะติดอยู่เป็นประจำ สำหรับวิธีการทำความสะอาดบริเวณผนังนั้นสามารถทำได้โดยการฉีดพ่นน้ำอุ่นให้ทั่วผนัง จากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือฟองน้ำชุบน้ำสบู่ หรือน้ำยาทำความสะอาดที่เจือจางแล้วมาเช็ดเบา ๆ เพื่อกำจัดคราบ หลังจากนั้นจึงล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อเป็นการลดอุณหภูมิของพื้นผิว และอย่าลืมใช้ผ้าแห้ง หรือไม้รีดน้ำมาเช็ดผนังให้แห้งดีเพื่อป้องกันการสะสมของความชื้นซึ่งเป็นสาเหตุของเชื้อรา

ส่วนบริเวณเพดานของห้องน้ำก็สามารถใช้ไม้กวาด หรืออุปกรณ์ปัดฝุ่นปัดเช็ดให้ฝุ่นตกลงมาด้านล่างก่อนจะทำความสะอาดพื้นได้เลย ที่สำคัญคือไม่ควรใช้น้ำฉีดขึ้นไปด้านบน เพราะจะทำให้มีความชื้นที่ฝ้ามากเกินไป และอาจทำให้ฝ้าเพดานเสียหายได้

 3. ทำความสะอาดคราบสกปรกบนอ่างล้างหน้า

อ่างล้างหน้าเป็นอีกจุดที่พบคราบสกปรกได้บ่อยใน ห้องน้ำ เพราะเป็นจุดที่ต้องใช้งานทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า แปรงฟัน รวมถึงการล้างมือทุกครั้งหลังทำธุระส่วนตัว ทำให้เกิดความสกปรกขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคราบหินปูน คราบตะกอนที่เกาะอยู่ตามก๊อกน้ำหรือท่อระบายน้ำที่อ่างล้างมือ โดยวิธีการทำความสะอาดอ่างล้างหน้านั้นก็ไม่ยากเลย โดยเฉพาะอ่างล้างหน้าที่มีสารเคลือบเรียบลื่นพิเศษก็สามารถล้างแล้วเช็ดคราบออกโดยง่ายด้วยการใช้น้ำยาล้างจาน เพื่อไม่ให้สารเคลือบหลุดล่อน หรือเสื่อมอายุการใช้งานเร็ว

แต่สำหรับอ่างล้างหน้าทั่วไปหากไม่ได้มีคราบหนาแน่นมากนัก ขอแนะนำให้ใช้แปรงสีฟันเก่า ๆ ขัดรอบ ๆ ก๊อกน้ำด้วยน้ำสะอาด หรือจะใช้น้ำยาสเปรย์ฉีดพ่นเครื่องสุขภัณฑ์ก็ได้ แต่อ่างล้างหน้าที่มีหินปูนเกาะอยู่อย่างแน่นหนา ควรใช้น้ำยาขจัดหินปูนหรือผงคลอรีนสำหรับฆ่าเชื้อ นำมาละลายน้ำให้เจือจางแล้วราดทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงค่อย ๆ แซะคราบหินปูนออกเบา ๆ ก็จะช่วยกำจัดคราบหินปูนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ใช่เพียงบริเวณด้านบนอ่างล้างหน้าเท่านั้น แต่ต้องทำความสะอาดภายในท่อด้วย โดยอาจใช้ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา เทลงในท่อระบายน้ำอ่างล้างมือ จากนั้นจึงเทน้ำร้อนตามลงไป เพื่อกำจัดคราบไขมัน และคราบสกปรกที่ติดค้างอยู่ในท่อระบายน้ำ ช่วยให้ระบายน้ำทิ้งได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันปัญหาอ่างล้างหน้าตัน และลดปัญหากลิ่นจากท่อน้ำได้อีกด้วย

 4. ทำความสะอาดคราบเหลืองตามโถสุขภัณฑ์

สำหรับขั้นตอนที่ห้ามละเลยโดยเด็ดขาดเมื่อล้าง ห้องน้ำ ที่สกปรกมากก็คือ การทำความสะอาดโถสุขภัณฑ์ เพราะหากไม่ได้ทำความสะอาดนาน ๆ ก็อาจเกิดคราบเหลืองและคราบสกปรกบนโถสุขภัณฑ์ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นภาพที่ไม่น่ามองแล้วยังเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคอีกด้วย จึงควรทำความสะอาดด้วยการเทน้ำยาทำความสะอาดทิ้งไว้สักพัก แล้วใช้แปรงขัดทำความสะอาดให้ครบทุกซอกมุม โดยอย่าลืมทำความสะอาดตามมุมอับต่าง ๆ ของบริเวณขอบโถด้วย จากนั้นให้ปิดฝาโถสุขภัณฑ์ก่อนกดชำระล้าง เพื่อป้องกันสารเคมีกระเซ็นออกจากตัวโถ

 5. ทำความสะอาดร่องยาแนวและคราบขาวบนพื้น

เมื่อทำความสะอาดสุขภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งโถชักโครก อ่างล้างหน้า และฝักบัวไปแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนทำความสะอาด ห้องน้ำ ต้องเหนื่อยก็คือ บริเวณพื้นห้องน้ำที่มักมีคราบขาวและร่องยาแนวที่มักมีเชื้อราดำเกาะอยู่ ถึงแม้จะดูเป็นปัญหาที่แก้ได้ยาก แต่หากเลือกใช้วิธีล้างห้องน้ำที่เหมาะสมก็จะสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย อย่างการใช้ส่วนผสมของน้ำส้มสายชู และเบกกิ้งโซดาก็สามารถทำความสะอาดพื้นให้กลับมาเหมือนใหม่ได้ง่าย ๆ แล้ว สำหรับวิธีทำก็คือ เพียงแค่นำน้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาราดลงบนพื้นเปียก จากนั้นทิ้งไว้สักพักหนึ่ง แล้วใช้แปรงขัดลงบนคราบสกปรก โดยอาจเลือกใช้แปรงขนาดเล็กอย่างแปรงสีฟันเก่า หรือแปรงทำความสะอาด มาขัดตามร่องยาแนวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า จากนั้นจึงล้างพื้นด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งแล้วใช้ไม้รีดน้ำกวาดน้ำออกให้หมดเพื่อป้องกันความชื้นสะสม

 6. อย่ามองข้ามระบบระบายอากาศ

เนื่องจากพัดลมดูดอากาศนั้นต้องสัมผัสกับความชื้นใน ห้องน้ำ เศษฝุ่นสิ่งสกปรกและคราบไขมันเป็นประจำ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ ก็จะทำให้เกิดคราบสกปรกเกาะติดอยู่ที่พัดลมดูดอากาศได้ ซึ่งอาจทำให้พัดลมเกิดเสียงดังและอาจเสียหายได้ในอนาคต ดังนั้นการทำความสะอาดพัดลมดูดอากาศแบบติดผนังหรือแบบติดเพดานบ้าง ก็ถือว่าเป็นการทำความสะอาดที่ควรจะทำควบคู่กันไปด้วย โดยการถอดฝาปิดใบพัดออก แล้วนำใบพัดของพัดลมดูดอากาศออกมาเช็ดทำความสะอาด รวมถึงการเช็ดทำความสะอาดฝาปิดและภายในพัดลมด้วย ก็จะช่วยลดการสะสมของฝุ่น และคราบสกปรกได้เป็นอย่างดี

 7. เช็ดกระจกและพื้นที่อื่น ๆ ให้เรียบร้อย

ต้องยอมรับว่าความสะอาดของกระจกนั้นเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนมาก ๆ และเมื่อกระจกสะอาด ก็จะทำให้ ห้องน้ำ ทั้งห้องดูสะอาดและน่าใช้ตามไปด้วย ดังนั้น การทำความสะอาดกระจกจึงเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ เพื่อเป็นการกำจัดทั้งคราบยาสีฟัน คราบสบู่ ไปจนถึงฝ้าจากไอน้ำที่เกาะบนกระจกออกไป โดยอาจใช้วิธีการเช็ดกระจก ด้วยน้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาล้างจาน หรือจะใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดก็ได้เช่นกัน ซึ่งนอกจากกระจกแล้ว ก็อย่าลืมเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ของใช้ต่าง ๆ ภายในห้องน้ำเช่น ชั้นวางของ ที่วางสบู่ แก้วใส่แปรงสีฟัน และขวดของใช้ต่าง ๆ ให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันความชื้นสะสมจนเกิดเป็นคราบราดำด้วย

14
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ฟันเหลืองดำ และ ฟันตกกระ

ฟันเหลืองดำ และ ฟันตกกระ เป็นภาวะที่สีของฟันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสีขาวธรรมชาติ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุและมีลักษณะที่แตกต่างกันครับ แม้ทั้งสองภาวะจะเกี่ยวกับสีฟัน แต่สาเหตุและแนวทางการดูแลก็ต่างกันออกไป

ฟันเหลืองดำ (Tooth Discoloration / Staining)
ฟันเหลืองดำ คือภาวะที่สีฟันเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเข้ม สีน้ำตาล หรือสีดำคล้ำ ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งที่ผิวเคลือบฟัน (ภายนอก) หรือโครงสร้างภายในฟัน (ภายใน)

สาเหตุของฟันเหลืองดำ

คราบสีติดภายนอก (Extrinsic Stains):
เกิดจากการสะสมของเม็ดสีจากอาหาร เครื่องดื่ม และสารต่างๆ บนผิวเคลือบฟัน ซึ่งมักเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและแก้ไขได้ง่ายที่สุด:

อาหารและเครื่องดื่ม: ชา, กาแฟ, ไวน์แดง, โคล่า, น้ำผลไม้สีเข้ม (เช่น น้ำองุ่น, น้ำทับทิม), ซอสปรุงรส (ซีอิ๊ว, ซอสมะเขือเทศ), ผักผลไม้สีเข้มบางชนิด (บลูเบอร์รี่)

การสูบบุหรี่/ยาเส้น: นิโคตินและสารทาร์ในบุหรี่ทำให้เกิดคราบสีน้ำตาลดำติดแน่นบนผิวฟัน

สุขอนามัยช่องปากไม่ดี: การแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้มีคราบจุลินทรีย์ (Plaque) สะสม ซึ่งเป็นที่เกาะของคราบสีต่างๆ ได้ง่าย

ยาบางชนิด: ยาน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของ Chlorhexidine หรืออาหารเสริมธาตุเหล็ก

อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นเคลือบฟันจะบางลง ทำให้สีเหลืองของเนื้อฟัน (Dentin) ที่อยู่ด้านในปรากฏชัดเจนขึ้น

การเปลี่ยนสีจากภายในฟัน (Intrinsic Stains):

เกิดจากการที่สีฟันเปลี่ยนจากโครงสร้างภายในของเนื้อฟัน ซึ่งอาจเกิดจาก:

ยาปฏิชีวนะบางชนิด: โดยเฉพาะยา Tetracycline หรือ Doxycycline ที่รับประทานในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนา (ในเด็กเล็ก หรือหญิงตั้งครรภ์) จะทำให้ฟันมีสีเหลือง น้ำตาล หรือเทาเป็นแถบๆ อย่างถาวร

ฟันตาย/ฟันผุ: ฟันที่ได้รับการกระทบกระเทือนหรือฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษา ทำให้เส้นประสาทและหลอดเลือดในโพรงประสาทฟันตาย เลือดที่แตกในโพรงประสาทฟันจะสลายตัวและทำให้ฟันมีสีดำคล้ำ

ฟันที่ได้รับการอุดด้วยวัสดุบางชนิด: เช่น วัสดุอุดฟันสีเงิน (Amalgam) ที่ใช้มานาน อาจทำให้ฟันรอบๆ มีสีเทาคล้ำได้

ฟันตกกระ (Fluorosis): เกิดจากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไปในช่วงฟันกำลังพัฒนา (จะอธิบายเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป)

โรคทางพันธุกรรมบางชนิด: เช่น Amelogenesis Imperfecta หรือ Dentinogenesis Imperfecta ซึ่งส่งผลต่อการสร้างเคลือบฟันหรือเนื้อฟัน ทำให้สีฟันผิดปกติ

แนวทางการรักษาฟันเหลืองดำ

คราบสีภายนอก:

ขูดหินปูนและขัดฟัน: โดยทันตแพทย์ จะช่วยขจัดคราบสะสมบนผิวฟันได้ดี

การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening/Bleaching): ใช้สารฟอกสีฟันที่มีส่วนผสมของ Hydrogen Peroxide หรือ Carbamide Peroxide เพื่อทำให้ฟันขาวขึ้น สามารถทำได้ทั้งที่คลินิกหรือที่บ้านภายใต้การดูแลของทันตแพทย์

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: ลดการดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง หรือบ้วนปาก/แปรงฟันหลังดื่ม/ทานอาหารที่มีสีเข้ม และงดสูบบุหรี่

การเปลี่ยนสีจากภายในฟัน:

การฟอกสีฟัน (บางกรณี): หากการเปลี่ยนสีไม่รุนแรงมาก การฟอกสีฟันอาจช่วยให้สีจางลงได้บ้าง

การทำวีเนียร์ (Veneer): เป็นการแปะวัสดุบางๆ ที่ทำจากพอร์ซเลนหรือคอมโพสิตบนผิวหน้าฟันเพื่อปกปิดสีฟันเดิม

การครอบฟัน (Crown): ในกรณีที่สีฟันคล้ำมาก หรือมีการทำลายเนื้อฟันร่วมด้วย การครอบฟันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฟันตกกระ (Dental Fluorosis)
ฟันตกกระ คือความผิดปกติของสีฟันที่เกิดจากการได้รับ ฟลูออไรด์ (Fluoride) ในปริมาณที่มากเกินไป ในช่วงที่ฟันกำลังสร้างตัว (ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณ 8 ปี) ทำให้เซลล์ที่สร้างเคลือบฟัน (Ameloblasts) ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เคลือบฟันมีความพรุนและมีลักษณะเป็นคราบสีขาวขุ่น เหลือง หรือน้ำตาลดำ

สาเหตุของฟันตกกระ

น้ำดื่ม: การดื่มน้ำที่มีปริมาณฟลูออไรด์สูงเกินไป (เกิน 1.5 - 2 ppm) ซึ่งอาจพบในแหล่งน้ำธรรมชาติบางแห่ง

ยาสีฟัน: การใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในเด็กเล็ก โดยที่เด็กยังบ้วนปากไม่เป็นและกลืนยาสีฟันเข้าไป

อาหารเสริมฟลูออไรด์: การได้รับอาหารเสริมฟลูออไรด์มากเกินความจำเป็น

น้ำยาบ้วนปากฟลูออไรด์: การใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ในเด็กเล็กที่อาจกลืนลงไป

ลักษณะของฟันตกกระ

ลักษณะของฟันตกกระจะแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของการได้รับฟลูออไรด์:

ระดับอ่อน: เป็นจุดขาวขุ่นเล็กๆ คล้ายชอล์ก หรือเส้นสีขาวขุ่นเล็กๆ บนผิวฟัน

ระดับปานกลาง: เป็นคราบขาวขุ่นชัดเจน มีสีเหลือง หรือน้ำตาลอ่อนปะปน

ระดับรุนแรง: เป็นคราบสีน้ำตาลเข้มถึงดำ มีหลุมหรือรอยบุ๋มบนผิวเคลือบฟัน ทำให้ฟันดูขรุขระและอาจเปราะแตกง่าย

แนวทางการรักษาฟันตกกระ
การรักษาฟันตกกระจะเน้นที่การปรับปรุงรูปลักษณ์ของฟันให้สวยงามขึ้น และมักจะทำเมื่อฟันแท้ขึ้นมาครบแล้ว:

ระดับอ่อน:

การฟอกสีฟัน (Teeth Whitening/Bleaching): อาจช่วยให้คราบสีขาวขุ่นจางลงและดูกลืนไปกับสีฟันโดยรวม

การขัดฟันแบบ Microabrasion: ใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอ่อนๆ ร่วมกับการขัด เพื่อลอกผิวเคลือบฟันชั้นบนที่มีคราบออกไปเล็กน้อย

ระดับปานกลางถึงรุนแรง:

การทำวีเนียร์ (Veneer): เป็นวิธีที่นิยมและให้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมในการปกปิดคราบสีและความผิดปกติของพื้นผิวฟัน

การอุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน (Composite Bonding): หากเป็นคราบเล็กๆ อาจใช้วัสดุอุดฟันสีเหมือนฟันปิดทับ

การครอบฟัน (Crown): ในกรณีที่ฟันตกกระอย่างรุนแรง มีหลุมบ่อมาก หรือฟันเปราะ

การป้องกัน
ฟันเหลืองดำจากคราบภายนอก: แปรงฟันให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ ลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม และงดสูบบุหรี่

ฟันตกกระ: ควบคุมปริมาณฟลูออไรด์ที่เด็กได้รับ โดยปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการใช้น้ำดื่ม ยาสีฟัน และอาหารเสริมฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสม

หากคุณกังวลเกี่ยวกับสีฟันหรือมีปัญหาฟันเหลืองดำ/ฟันตกกระ ควรปรึกษา ทันตแพทย์ เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณครับ

15
ขั้นตอน สร้างรายได้จากการขายของกิน สร้างอาชีพได้ ขายดี กำไรดีงาม

การสร้างรายได้จากการขายของกินเป็นอาชีพที่น่าสนใจและสามารถสร้างรายได้ที่ดีได้หากมีการวางแผนและการจัดการที่ดี ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนและเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

1. สำรวจความถนัดและความสนใจ:

ค้นหาเมนูที่ถนัด: เลือกเมนูอาหารที่คุณมีความเชี่ยวชาญและมั่นใจในรสชาติ เพื่อรักษาคุณภาพของอาหาร
ศึกษาตลาดและความต้องการ: สำรวจความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ของคุณ เพื่อเลือกเมนูที่ได้รับความนิยมและมีโอกาสในการขายสูง

2. วางแผนธุรกิจ:

กำหนดกลุ่มเป้าหมาย: ระบุกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการเข้าถึง เช่น คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา หรือคนรักสุขภาพ
สร้างแบรนด์: พัฒนาชื่อร้าน โลโก้ และเอกลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อสร้างความน่าจดจำ
เลือกช่องทางการขาย: พิจารณาช่องทางการขายที่เหมาะสม เช่น ออนไลน์ (แอปพลิเคชันเดลิเวอรี่, โซเชียลมีเดีย) หรือออฟไลน์ (ตลาดนัด, จัดส่งตามออเดอร์)
กำหนดราคา: กำหนดราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนและตลาด เพื่อให้ได้กำไรที่เหมาะสม
วางแผนการตลาด: กำหนดกลยุทธ์การตลาดเพื่อโปรโมทร้านค้าของคุณ เช่น การใช้รูปภาพและวิดีโอที่น่าสนใจ การจัดโปรโมชั่น หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า

3. เตรียมความพร้อม:

จัดเตรียมอุปกรณ์และสถานที่: ตรวจสอบและเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารให้พร้อมใช้งาน และจัดเตรียมสถานที่ทำอาหารให้สะอาดและถูกสุขอนามัย
จัดหาวัตถุดิบ: เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีและสดใหม่ เพื่อให้ได้รสชาติอาหารที่ดีที่สุด
บรรจุภัณฑ์: เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สะอาด ปลอดภัย และสวยงาม เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
ขอใบอนุญาต (ถ้ามี): ตรวจสอบข้อกำหนดและขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับการทำอาหารขายในบ้าน

4. เริ่มต้นธุรกิจ:

ทำอาหารและขาย: เริ่มต้นทำอาหารและขายตามแผนที่วางไว้
รับฟังความคิดเห็น: รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า เพื่อปรับปรุงคุณภาพและบริการ
พัฒนาตัวเอง: พัฒนาทักษะการทำอาหารและการจัดการธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
จัดการการเงิน: จัดการรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ และวิเคราะห์ผลกำไรเพื่อปรับปรุงธุรกิจ

ตัวอย่างเมนูอาหารที่น่าสนใจ:

อาหารตามสั่ง (เช่น ข้าวผัด, กะเพรา, ผัดซีอิ๊ว)
อาหารคลีน/อาหารเพื่อสุขภาพ (เช่น สลัด, อาหารกล่อง, น้ำผักผลไม้)
ขนมโฮมเมด (เช่น เค้ก, คุกกี้, ขนมไทย)
อาหารว่าง/ของทานเล่น (เช่น ลูกชิ้นทอด, ไก่ทอด, ขนมปังปิ้ง)

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

สร้างความแตกต่าง: คิดค้นสูตรอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ หรือใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ
ทำการตลาด: ใช้โซเชียลมีเดียในการโปรโมทร้านค้า และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
จัดการต้นทุน: ควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
พัฒนาตัวเอง: เรียนรู้และปรับปรุงธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นธุรกิจอาหารของคุณ

หน้า: [1] 2 3 ... 62